การวิเคราะห์และออกแบบการใช้สื่อตามหลักของ ASSURE Model
ในการใช้สื่อการสอนนั้น ผู้สอนควรจะมีการวางแผนการใช้สื่ออย่างรัดกุม และเป็นระบบ ทั้งนี้เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการปฎิบัติ ซึ่งจะทำให้ผู้สอนเกิดความมั่นใจในการใช้สื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สูงสุด ตามความสามารถของแต่ละบุคคล และตรงตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่วางไว้ การวางแผนการใช้สื่อการสอนโดยใช้แนวคิดของ วิธีระบบ เป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้การวางแผนการใช้สื่อการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ " The ASSURE Model" เป็นแบบจำลองที่ได้รับความนิยมในการนำไปใช้ เพื่อวางแผนการใช้สื่อการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
Heinich, Molenda and Russell (1985) ได้เสนอโมเดลการวางแผนการใช้สื่อการเรียนการสอน เรียกว่า ASSURE Model ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้ผู้สอนเกิดความมั่นใจที่จะใช้สื่อการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้สูงสุดตามความสามารถของแต่ละคน รายละเอียดของโมเดลมีดังนี้
😃 A : Analyze Learner Characteristic วิเคราะห์ผู้เรียน
การวิเคราะห์ผู้เรียนจะทำให้ผู้สอนเข้าใจลักษณะของผู้เรียนและสามารถเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนและบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน การวิเคราะห์ผู้เรียนนั้นจะวิเคราะห์ใน 2 ลักษณะ คือ
1. ลักษณะทั่วไป เป็นลักษณะที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่จะสอน แต่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนโดยตรง ได้แก่ เพศ อายุ ชั้นปีที่เรียน ระดับสติปัญญา ความถนัด วัฒนธรรมสังคม ฯลฯ
2. ลักษณะเฉพาะ เป็นลักษณะที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่จะสอน ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกวิธีการสอนและสื่อการเรียนการสอน ได้แก่
2.1 ความรู้และทักษะพื้นฐานของผู้เรียนในเนื้อหาที่จะสอน
2.2 ทักษะที่เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น ทักษะด้านภาษา คณิตศาสตร์ การอ่าน และการใช้เหตุผล
2.3 ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จะสอนนั้นหรือยัง
😃 S : Stat Objective กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนการสอน
|
นนน
การเรียนการสอนแต่ละครั้งต้องกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน ซึ่งควรจะเป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ที่กำหนดความสามารถของผู้เรียนว่าจะทำอะไรได้บ้าง ในระดับใด และภายใต้เงื่อนไขใดไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถเลือกใช้วิธีการสอนและสื่อการเรียนการสอนได้เหมาะสม วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่กำหนดขึ้นสำหรับการเรียนการสอนแต่ละครั้ง ควรให้ครอบคลุมวัตถุประสงค์ทางการศึกษาทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัย และด้านทักษะพิสัย โดยจะเน้นวัตถุประสงค์ด้านใดมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่สอนแต่ละครั้งไป
😃 S : Select, Modify or Design Materials เลือก ปรับปรุง ออกแบบสื่อการสอน
1. การเลือกสื่อการเรียนการสอน
ขั้นตอนนี้เป็นการพิจารณาเลือกสื่อการเรียนการสอน ที่มีอยู่แล้วจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอน การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้วควรมีเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้ คือ ลักษณะผู้เรียน วัตถุประสงค์การเรียนการสอน เทคนิคหรือวิธีการเรียนการสอน และสภาพการณ์และข้อจำกัดในการใช้สื่อการเรียนการสอนแต่ละชนิด
2. การปรับปรุงสื่อการเรียนการสอน
ในกรณีที่สื่อการเรียนที่มีอยู่แล้วไม่เหมาะสมกับการใช้ในการเรียนการสอน ให้พิจารณาว่าสามารถนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การเรียนการสอนได้หรือไม่ ถ้าปรับปรุงได้ก็ให้ปรับปรุงก่อนนำไปใช้
3. การออกแบบสื่อการเรียนการสอน
กรณีที่สื่อการเรียนการสอนที่มีอยู่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ หรือไม่เหมาะสมที่จะนำมาปรับปรุงใช้ หรือไม่มีสื่อการเรียนการสอนที่ต้องการใช้ในแหล่งบริการสื่อการเรียนการสอนใดเลย ก็จำเป็นต้องออกแบบและสร้างสื่อการเรียนการสอนขึ้นมาใหม่ การออกแบบก็ต้องพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
|
🔺วัตถุประสงค์ : ต้องการให้ผู้เรียนเกิดความรู้ เจตคติและทักษะใด
🔺ผู้เรียน : มีความรู้และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการเรียนรู้หรือไม่
🔺ราคา : มีงบประมาณในการผลิตมากน้อยเพียงใด
🔺ฝ่ายเทคนิค : มีหรือไม่ในการผลิต
🔺อุปกรณ์ : มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตหรือไม่
🔺 เวลา : มีเวลาเพียงพอในการผลิตหรือไม่
😃 U : Utilize Materials ใช้สื่อการเรียนการสอน
|
ขั้นตอนการใช้สื่อการเรียนการสอน มีขั้นตอนที่สำคัญอยู่ 4 ขั้นตอน คือ
🔻1. ทดลองใช้
ก่อนนำสื่อการเรียนการสอนใดมาใช้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการตรวจสอบและทดลองใช้ดูว่ามีปัญหาหรือไม่ ถ้ามีจะได้แก้ไขปรับปรุงได้ทัน คุณลักษณะของสื่อ วิธีการนำเสนอสื่อ
🔻2. เตรียมสภาพแวดล้อม
การที่จะใช้สื่อการเรียนการสอนจำเป็นที่ต้องมีการเตรียมสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก แสง การระบายอากาศ และอื่น ๆ ให้เหมาะสมกับการใช้สื่อการสอนแต่ละชนิด
🔻3. เตรียมผู้เรียน
ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้จากการใช้สื่อการเรียนการสอนได้ดีนั้น จะต้องมีการเตรียมผู้เรียนให้พร้อมที่จะเรียนเรื่องนั้น โดย การแนะนำสิ่งที่จะนำเสนอ อาจจะเป็นเรื่องย่อ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น การเร้าความสนใจ หรือเน้นจุดที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ผู้เรียนมีเป้าหมายในการฟังหรือดูสิ่งที่ผู้สอนนำเสนออันจะนำไปสู่การเรียนรู้ที่ดีได้
🔻4. การนำเสนอ
ผู้สอนที่ทำหน้าที่ผู้เสนอสื่อการเรียนการสอนนั้น จะต้องใช้เทคนิคการนำเสนอที่เรียกว่า AV Showmanship ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้
4.1 ต้องทำตัวเป็นตัวกลางที่จะทำให้การนำเสนอครั้งนั้นประสบความสำเร็จ โดยการทำตัวให้เป็นธรรมชาติ หลีกเลี่ยงท่าทางที่ไม่เหมาะสมที่ติดเป็นนิสัย เช่น หักนิ้ว บิดข้อมือ กดปากกา พูดเสียง เอ้อ………อ้า…… เพราะจะทำให้ผู้เรียนสนใจท่าทางเหล่านี้แทน
4.2 ท่าทางการยืน ต้องยืนหันหน้าให้ผู้เรียน ถ้ายืนเฉียงก็ต้องหันหน้าหาผู้เรียนไม่ควรหันข้างหรือหันหลังให้ผู้เรียน
4.3 ขณะที่บรรยายนำเสนอสื่อการเรียนการสอนต้องสอดแทรกอารมณ์ขันบ้าง
4.4 ประเมินความสนใจของผู้เรียน โดยใช้การกวาดสายตามองผู้เรียนให้ทั่วทั้งชั้น ซึ่งเป็นการแสดงความสนใจผู้เรียน และวิเคราะห์สีหน้า ท่าทางของผู้เรียนไปพร้อมกัน
4.5 อย่าใช้เวลาเตรียมสื่อนานเกินไป จะทำให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่าย
4.6 นำเสนอให้ถูกวิธีตามที่ได้มีการทดลองใช้มาก่อนแล้ว
😃 R : Require Learner Response ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม
|
การใช้สื่อในการเรียนการสอนแต่ละครั้ง ผู้สอนต้องจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนให้มากที่สุด และในขณะเดียวกันผู้สอนก็ต้องมีการเสริมแรงไปพร้อม ๆ กันด้วย เช่น หลังจากการนำเสนอสื่อแล้ว อาจให้ผู้เรียนร่วมอภิปราย ทำแบบฝึกหัด ทำบทเรียนโปรแกรมหรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่สอดคล้องสัมพันธ์กับวิธีการสอนและสื่อการสอนที่ใช้ในแต่ละครั้ง
😃 E : Evaluation ประเมินผลกระบวนการเรียนการสอน
|
หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแล้ว จำเป็นต้องมีการประเมินผลกระบวนการเรียนการสอนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้สอนทราบว่า การเรียนการสอนบรรลุวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงใด สิ่งที่ต้องประเมินได้แก่
😆การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์แต่ละข้อที่กำหนดไว้มากน้อยเพียงใด
😆การประเมินสื่อและวิธีการเรียนการสอน เพื่อให้ทราบว่าสื่อและวิธีการสอนที่ใช้มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ ช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์เพิ่มขึ้นหรือไม่ การประเมินผลสื่อการเรียนการสอนควรให้ครอบคลุม ด้านความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนการสอน ด้านคุณภาพของสื่อ เช่น ขนาด รูปร่าง สี ความชัดเจนของสื่อ
😆การประเมินผลกระบวนการเรียนการสอน จะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงและพัฒนาวิธีการสอนและการใช้สื่อการเรียนในครั้งต่อ ๆ ไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างการออกแบบการใช้สื่อตามหลักของ ASSURE Model บูรณาการในวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง การย่อยอาหาร
📗1. วิเคราะห์ผู้เรียน(Analyze Learner Characteristic)
✎ลักษณะทั่วไปของผู้เรียน
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 6 โรงเรียนก่องข้าวน้อย มีนักเรียนทั้งหมด 42 คน เป็นนักเรียนหญิง 22 คน นักเรียนชาย 20 คน
✎ลักษณะเฉพาะของผู้เรียน
1.ความรู้พื้นฐาน : ผู้เรียนทราบว่าสิ่งมีชีวิตต้องมีการย่อยอาหารเพื่อที่จะนำสารอาหารที่ได้ไปใช้ในการดำรงชีวิต
2.ประสบการณ์เดิม : ผู้เรียนได้เรียนเรื่องการย่อยอาหารในจุลินทรีย์ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและสัตว์
📕 2. กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนการสอน (Stat Objective)
1.นักเรียนสามารถบอกอวัยวะและโครงสร้างที่ใช้ในการย่อยอาหารของคนได้
2.นักเรียนสามารถอธิบายทางเดินอาหารของคนได้
3.นักเรียนสามารถอธิบายกระบวนการย่อยอาหารของคนได้
4.นักเรียนสามารถเปรียบเทียบกระบวนการย่อยอาหารของจุลินทรีย์ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว สัตว์ และคนได้
5.นักเรียนมีความรับผิดชอบ และช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างเหมาะสม
6.นักเรียนมีระเบียบวินัยและตรงต่อเวลา
📙3. เลือกสื่อการสอน (Select, Modify or Design Materials)
🌍 วิดีโอ เรื่องระบบย่อยอาหารของกระทรวงศึกษาธิการ
🌎 วิดีโอ เรื่องระบบย่อยอาหารของสสวท.
📘 Utilize Materials ใช้สื่อการเรียนการสอน
🔻1. ทดลองใช้
ก่อนนำสื่อการเรียนการสอนมาใช้จะต้องมีการตรวจสอบและทดลองใช้ดูว่ามีปัญหาหรือไม่ เนื้อครบถ้วนหรือไม่ มีส่วนไหนบกพร่องจะได้นำมาแก้ไข ก่อนที่จะนำไปใช้จริง
🔻2. เตรียมสภาพแวดล้อม
การที่จะใช้สื่อการเรียนการสอนจำเป็นที่ต้องมีการเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น คอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์ในการจะเปิดให้ผู้เรียนดูสื่อ
🔻3. เตรียมผู้เรียน
เตรียมผู้เรียนโดยการสอบถามความรู้ ความเข้าใจเดิม ก่อนที่จะสอน เพื่อที่นักเรียนจะได้เชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ได้
🔻4. การนำเสนอ
ผู้สอนที่ทำหน้าที่ผู้เสนอสื่อการเรียนการสอนนั้นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ผู้เรียนรอนาน และไม่ควรทำให้บรรยากาศการเรียนเครียดจนเกินไป ผู้สอนจะต้องคอยบรรยายเพิ่มเติมจากสื่อด้วย เพื่อเพิ่มเติมความเข้าใจของผู้เรียน และในขณะที่เปิดสื่อผู้สอนควรมองดูผู้เรียนด้วย ว่าให้ความสนใจกับสื่อการสอนหรือไม่และหลังจากการดูสื่อการสอน ผู้สอนควรถามความรู้หลังดูสื่อการสอน เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนได้ตั้งใจดูหรือไม่
📕4.ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม(Require Learner Response)
ผู้สอนให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการตอบคำถามหรือการอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้แสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน โดยการที่นักเรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียนจะช่วยให้นักเรียนมีโอกาสได้รับการเรียนรู้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อที่จะให้นักเรียนเข้ามามีส่วนร่วมในชั้นเรียนผู้สอนจะต้องมีความกระตุ้นหรือสร้างความสนใจให้กับพวกเขา เพื่อที่จะให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม และในชั้นเรียนผู้สอนควรหากิจกรรมต่างๆเพื่อที่ผู้เรียนจะเข้ามามีส่วนร่วมได้ และควรมีกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนสนใจและไม่รู้สึกเบื่อ
📘5. ประเมินผลกระบวนการเรียนการสอน(Evaluation)
การประเมินผลเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องทำงหลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อที่จะประเมินผู้เรียนว่าเมื่อเรียนไปแล้วนักเรียนได้รับความรู้และมีความรู้ความเข้าใจมากน้อยเพียงใด
➤การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
- ประเมินจากการถามตอบหรือให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน เพื่อดูถึงความเข้าใจจากการเรียนรู้
- ประเมินจากแบบทดสอบให้ทำหลังเรียน เพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียนแต่ละคนว่ามีความเข้าใจในเรื่องที่เรียนหรือไม่
➤การประเมินสื่อและวิธีการเรียนการสอน
เป็นการประเมินโดยดูว่าสื่อและวิธีการสอนที่ใช้มีประสิทธิภาพหรือไม่ ช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ที่ดีหรือไม่ โดยการประเมินผลสื่อการเรียนการสอนควรให้ครอบคลุม และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนการสอน แล้วประเมินดูในด้านของสื่อว่าดูแล้วเข้าใจหรือมีส่วนประกอบไหนบ้างที่บกพร่อง เพื่อที่จะนำไปแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
➤ การประเมินผลกระบวนการเรียนการสอน
1. ประเมินก่อนเรียน โดยแบบทดสอบเพื่อทดสอบความรู้เดิมของผู้เรียน เพื่อที่ครูผู้สอนจะได้ทราบว่าควรเพิ่มเติมความรู้ส่วนไหนบ้าง เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับเรื่องที่จะสอนได้
2. ประเมินระหว่างเรียน โดยครูผู้สอนอาจจะใช้วิธีถาม-ตอบกับผู้เรียนและการดูผู้เรียนในหระหว่างเรียนว่ามีความสนใจในการเรียนมากน้อยเพียงไหน
3. ประเมินหลังเรียน เป็นการประเมินโดยใช้แบบทดสอบ เพื่อทดสอบความรู้หลังจากที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ไป เพื่อที่จะทำให้ผู้สอนได้ทราบว่าผู้เรียนได้รับความรู้มากน้อยเพียงไหน เพื่อที่จะได้นำผลที่ได้มาวิเคราะห์หาสาเหตุปละแนวทางการแก้ไขต่อไป